การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาการจัดบริการงานแนะแนว โรงเรียนบ้านคำแม่นาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2

Main Article Content

วารุณี ปารีพันธ์

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ  1) ศึกษา สภาพและปัญหา เกี่ยวกับการจัดบริการงานแนะแนว 2) หาแนวทางการพัฒนาการจัดบริการงานแนะแนว และ 3) ติดตามและประเมินผลการพัฒนาการจัดบริการงานแนะแนว โรงเรียนบ้านคำแม่นาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 กระบวนการในการวิดำเนินการวิจัย ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน  คือ  ขั้นที่  1  การวางแผน  (Planning)  ขั้นที่  2  การปฏิบัติการ  (Action)  ขั้นที่  3  การสังเกตการณ์  (Observation)  และขั้นที่ 4 การสะท้อนกลับ  (Refection)  ซึ่งมีการดำเนินการ 2 วงรอบ กลุ่มเป้าหมาย  คือ กลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 11 คน ประกอบด้วย ผู้วิจัย 1 คน ผู้ร่วมวิจัย  10 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย ผู้อำนวยการ 1 คน กลุ่มตัวแทนนักเรียน 36 คน กลุ่มผู้นิเทศ  4 คน วิทยากร 1 คน จำนวน 42 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่  แบบทดสอบ แบบประเมิน แบบสังเกต และแบบสัมภาษณ์  การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

1. สภาพและปัญหาเกี่ยวกับการจัดบริการงานแนะแนว โรงเรียนบ้านคำแม่นาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 พบว่า

1.1 ด้านสภาพ  ครูขาดความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ในการจัดบริการงานแนะแนว ครูไม่จบการศึกษาด้านแนะแนวโดยตรง  ทำให้ไม่มีความมั่นใจในการจัดบริการงานแนะแนว  และขาดการพัฒนาที่ต่อเนื่องในการจัดบริการงานแนะแนว

1.2 ด้านปัญหา การจัดบริการงานแนะแนวไม่เป็นไปตามมาตรฐานและเป้าหมายที่ตั้งไว้  ข้อมูลเอกสารไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ การค้นหาข้อมูลนักเรียนทำได้ยาก ทำให้การจัดบริการงานแนะแนวไม่ตรงตามความต้องการของนักเรียน

2. แนวทางการพัฒนาการจัดบริการงานแนะแนว โรงเรียนบ้านคำแม่นาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2  ประกอบด้วย 3 แนวทาง คือ การประชุมเชิงปฏิบัติการ  การนิเทศการจัดบริการงานแนะแนว และการนิเทศแบบให้คำชี้แนะ

3. ผลการติดตามและประเมินผลการพัฒนาการจัดบริการงานแนะแนว โรงเรียนบ้านคำแม่นาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 พบว่า

3.1 ครูมีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ในการจัดบริการงานแนะแนวเพิ่มขึ้น มีมาตรฐานการใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลนักเรียน การจัดเก็บข้อมูลนักเรียนเป็นระบบ ทำให้การจัดบริการงานแนะแนวมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของนักเรียน ครูและนักเรียนพึงพอใจในการจัดบริการงานแนะแนวอยู่ในระดับมากที่สุด

3.2 การจัดบริการงานแนะแนว ครูจัดบริการงานแนะแนว ได้อย่างมีคุณภาพ 5 บริการ คือ บริการรวบรวมข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล บริการสนเทศ บริการให้คำปรึกษา  บริการจัดวางตัวบุคคล และบริการติดตามประเมินผล ทำให้ทางโรงเรียนช่วยเหลือนักเรียนได้อย่างเหมาะสม สามารถดูแลนักเรียนได้อย่างใกล้ชิด สามารถพัฒนาศักยภาพนักเรียนได้ตามขั้นตอนของกระบวนการจัดบริการงานแนะแนว

Article Details

Section
บทความวิจัย