ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
Keywords:
ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติการ, แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2, ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2Abstract
หัวใจของการดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานคือส่งเสริมให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เพื่อให้ชะลอหรือลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นการศึกษาปฏิบัติการ (operational) ตามกรอบแนวคิดของสภาวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพแห่งชาติ ประเทศออสเตรเลีย (National Health and Medical esearch Council [NHMRC]], 1999) กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มก่อนมีการใช้แนวปฏิบัติจำนวน 65 คน ที่มาใช้บริการในเดือนเมษายน 2555 และกลุ่มหลังมีการใช้แนวปฏิบัติจำนวน 83 คนที่มาใช้บริการในเดือนกรกฎาคม 2555 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 2) เอกสารประกอบการใช้แนวปฏิบัติผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3) แบบสัมภาษณ์ความรู้เรื่องการดูแลตนเองเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล ได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา (content validity index [CVI]) เท่ากับ 0.88 และตรวจสอบความเชื่อมั่น ได้ค่าเท่ากับ 0.83 4) แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (ใช้ยารับประทาน) นำมาหาความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.86 และ 5) เครื่องออร์โตเมต รุ่น Dimention RXL ที่ใช้ในการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด มีการติดตามดูแลสภาพเครื่อง ทุก 3 เดือนวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า
1. กลุ่มตัวอย่างที่มารับบริการก่อนมีการใช้แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลร้อยละ 38.46 และกลุ่มตัวอย่างที่มารับบริการหลังมีการใช้แนวปฏิบัติร้อยละ 48.19 มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองอยู่ในระดับดี
2. กลุ่มตัวอย่างที่มารับบริการก่อนมีการใช้แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลร้อยละ 43.08 และกลุ่มตัวอย่างที่มารับบริการหลังมีการใช้แนวปฏิบัติร้อยละ 81.93 มีการพฤติกรรมที่ถูกต้องอยู่ในระดับดี
3. กลุ่มตัวอย่างที่มารับบริการก่อนมีการใช้แนวปฏิบัติการจัดการทางการพยาบาลร้อยละ 30.77 และกลุ่มตัวอย่างที่มารับบริการหลังมีการใช้แนวปฏิบัติร้อยละ 67.47 มีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ ผลการศึกษาครั้งนี้ยืนยันว่าแนวปฏิบัตินี้ส่งเสริมให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถควบคุมระดับน้ำตาลดังนั้นควรมีการนำเสนอเชิงนโยบายในการนำแนวปฏิบัตินี้ไปใช้ในหน่วยงานเพื่อเพิ่มคุณภาพในการดูแลผู้ที่เป็นโรคเบาหวานต่อไป
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว