การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย แบบประคับประคอง โรงพยาบาลมุกดาหาร

ผู้แต่ง

  • ภัทรศร นพฤทธิ์
  • อารมย์ พรหมดี

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาและพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง โรงพยาบาลมุกดาหาร 

วิธีการดำเนินการวิจัย : เป็นการศึกษาและพัฒนา (Research and development)  ประชากรศึกษาจำนวน 100 คนประกอบด้วย แพทย์จำนวน  2 คน พยาบาลวิชาชีพ 8 คนพยาบาลปฏิบัติการ 30 คนที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมุกดาหาร  ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 30  คนและผู้ดูแลผู้ป่วยหลัก    30  คน  ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนพฤศจิกายน 2562  โดยใช้แนวคิดหลักฐานเชิงประจักษ์ในการพยาบาล ของซูคัพ (Soukup) ขั้นตอนการวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ศึกษาสถานการณ์  สืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์ พัฒนาแนวปฏิบัติและทดลองใช้ กับกลุ่มเป้าหมาย  และประเมินผลลัพธ์การใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย  วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการจัดกลุ่มเนื้อหา ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลลัพธ์หลังการพัฒนามีการใช้สถิติ Dependen  t-test      

ผลการวิจัย : การพัฒนาแนวปฏิบัติพยาบาลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายแบบประคับประคองแบ่งเป็น 4 ระยะคือ 1. ระยะศึกษาสถานการณ์ยังไม่มีแนวปฏิบัติทางการพยาบาลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายแบบประคับประคองที่ชัดเจน 2. ระยะสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์ พัฒนาแนวปฏิบัติและทดลองใช้ 3. ระยะพัฒนาแนวปฏิบัติพยาบาลผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายประกอบด้วย 8 กิจกรรม ได้แก่ 1) ประเมินผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย  2) ประเมินครอบครัวผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย 3) แจ้งข่าวร้าย  4) วางแผนการรักษาล่วงหน้า  5) ดูแลยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ 6) ดูแลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในวาระสุดท้ายของชีวิต 7)ดูแลระยะหลังการเสียชีวิต และ 8)ประเมินผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายและครอบครัว  และ4. ระยะประเมินผลลัพธ์หลังการใช้แนวปฏิบัติ ได้ตามแนวปฏิบัติคิดเป็นร้อยละ 91.53 พยาบาลวิชาชีพ เห็นด้วยในการนำแนวปฏิบัติไปใช้ อยู่ในระดับมาก (x̄ =4.32 S.D. = 0.30) ผลลัพธ์ทางด้านผู้ป่วยพบว่าผู้ป่วยมีคะแนน POS รายข้อ ลดลงอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ

สรุป : แนวปฏิบัติที่พัฒนานี้สามารถนำไปปฏิบัติกับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ชัดเจนขึ้น

คำสำคัญ : แนวปฏิบัติการพยาบาล  โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย  แบบประคับประคอง

References

International Society of Nephrology. KDIGO clinical practice guideline for the diagnosis evaluation prevention and treatment of Chronic Kidney Disease-Mineral and Bone Disorder (CKD-MBD). Kidney International. Retrieved September 19 October, 2019 from http://www.nephrology.kiev.ua/docs/kdigo2018.pdf

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณาสุข พ.ศ. 2559. นนทบุรี: สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์; 2560.

The Thai Renal Replacement Therapy Committee. Thailand Renal Replacement Therapy Year 2015. [Electronic version]. Retrieved October 6, 2019 from http://www.nephrothai .org/TRT/TRT2010/index.html

National Kidney Foundation. K/DOQI Clinical practice guidelines for chronic kidney disease evaluation, classification and stratification ,2002; Retrieved December 11, 2009, from http://www.kidney.org/ professionals/kdoqi.

National Kidney Foundation. K/DOQI Clinical practice guidelines for chronic kidney disease evaluation, classification and stratification,2012 ;Retrieved December 11, 2019, available from http://www.kidney.org/ professionals/kdoqi.html

Pungchompoo. W. Experiences and health care needs of older people with End Stage Renal Disease managed without dialysis in Thailand during the last year of life. A thesis submit of the graduate school in the fulfillment of the requirements for the degree of Doctor in Clinical Practicer, School of Health Sciences, University of Southampton, United Kingdom; 2014.

ณิชา พึ่งชมพู. สถานการณ์การดูแลระยะสุดท้ายในผู้สูงอายุไทยโรคไตวายเรื้อรัง Situation of Palliative Care in Thai Elderly Patients with End Stage Renal Disease . พยาบาลสาร 2557; 41( 4):166-77.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร. เอกสารตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ปีงบประมาณ 2561.

โรงพยาบาลมุกดาหาร. สรุปผลงานของแผนกไตเทียม ปี 2561 : 5-6.

Noble,H., Meyer,J.,Bridges,J.,Johnson,B.,and Kelly,D. Exploring symptoms in patients managed without dialysis: A qualitative research study. Journal of Renal Care;2010; 36(1) : 9-15. available from https://www.researchgate.net/profile/

World Health Organization. Global Atlas of Palliative Care at the End of Life 1014. [Electronic version]. Retrieved October 6, 2019 Retrieved from http://www.who.int/nmh/Global_Atlas_of_Palliative_Care.pdf.

ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่. ผลลัพธ์การดูแลแบบประคับประคองของผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยของงานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรศาสตร์ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ [อินเทอร์เน็ต].2553 [เข้าถึงเมื่อ 12 ส.ค.2562] เข้าถึงได้จาก http://www.med.cmu.ac.th/hospital/ha/ha/Plates

Hearn J,Higginson IJ.On behalf of the Pallive care core audit project advisory group. Development and validation of a core outcome measure for palliative care: the Palliative care outcome scale. Quality in health care 1999;8:219-27.

Soukup, S.M. The center for advanced nursing practice evidence- based practice Model promoting the scholarship of practice Nursing Clinic of North America; 2000; 35 (2): 301-309.

สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย.คำแนะนำ สำหรับการดูแลรักษาโรคไตเรื้อรังแบบองค์รวมชนิดประคับประคอง พ.ศ.2560.กรุงเทพมหานคร: บริษัท เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล พับลิเคชั่น จำกัด; 2560.

Registered Nurses Association of Ontario. Clinical best practice guidelines end-of-life care during the last days and hours. [internet].25011 [cited 2018 Aug 12 ] available from http://www.med.cmu.ac.th/hospital/ha/ha/Plates/

Joanna Briggs Institute. JBI levels of evidence. [internet].25018 [cited 2018 Aug 12 ] available from http://www. joannabriggs.edu.au/about/system_review.php

สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย.คำแนะนำ สำหรับการดูแลรักษาโรคไตเรื้อรังแบบองค์รวมชนิดประคับประคอง พ.ศ.2560.กรุงเทพมหานคร: บริษัท เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล พับลิเคชั่น จำกัด; 2560.

สิริมาศ ปิยะวัฒนพงษ์. การพัฒนาการดูแลแบบประคับประคองสำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่ง. [วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต] .ขอนแก่น: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น;2552.

มารยาท สุจริตวรกุล. การปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง. วารสารโรงพยาบาลชลบุรี 2561; 43 (1) : 8-16.

ทัศนีย์ เทศประสิทธิ์ การพัฒนาระบบการดูแลแบบประคับประคองในผู้ป่วยระยะสุดท้ายของโรงพยาบาลอุดรธานี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข 2556;23(1): 80-9.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2020-01-08