การถูกละเมิดทางเพศ และความรุนแรงในครอบครัวสตรีในสถานประกอบการ

Authors

  • สุสัณหา ยิ้มแย้ม
  • สุจิตรา เทียนสวัสดิ์
  • สุจิตรา ชัยวุฒิ

Abstract

สตรีในสถานประกอบการโดยเฉพาะสตรีที่ทำงานในโรงงานและศูนย์การค้ามีชั่วโมงทำงานที่ยาวนานและบางครั้งในยามวิกาล จึงอาจเสี่ยงต่อการถูกละเมิดทางเพศและความรุนแรงในครอบครัว การวิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายถึงการถูกละเมิดทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวของสตรีในสถานประกอบการ โดยใช้การวิจัยผสมผสานวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและวิจัยเชิงปริมาณ รวบรวมข้อมูลหลักจากแบบสอบถามสตรีในโรงงานอุตสาหกรรมสองแห่งและในศูนย์การค้าสองแห่ง จำนวน 301 คน ร่วมกับการสัมภาษณ์ผู้บริหาร การสนทนากลุ่มกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล และพยาบาลสถานประกอบการพร้อมกับการสังเกตสภาพการทำงาน และการจัดเวทียืนยันผลสรุปข้อมูลและข้อเสนอแนวทางในการพัฒนาสุขภาพด้านอนามัยเจริญพันธุ์สำหรับสตรีในสถานประกอบการเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แนวคำถามในการสัมภาษณ์ และแบบสอบถามเกี่ยวกับการทำงาน การถูกละเมิดทางเพศ และความรุนแรงในครอบครัวของสตรีในสถานประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้สถิติเชิงพรรณนาและไค-สแควร์

ผลการวิจัยพบว่า สตรีส่วนใหญ่มีการทำงานที่ยาวนานและมีวันหยุดเพียง 1 วันต่อสัปดาห์ และสตรีส่วนใหญ่ใช้การพักผ่อนไปในสถานบันเทิง สตรีหนึ่งในสี่ระบุว่าเสี่ยงต่อถูกละเมิดทางเพศขณะเดินทางมาทำงาน สตรีเกือบครึ่งหนึ่ง (43.9%) เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ปัจจัยเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ คือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการเที่ยวกลางคืนเพื่อผ่อนคลายหลังการทำงาน เกือบครึ่งหนึ่งของสตรีที่มีสามีหรือคู่รัก(45.0%) มีสัมพันธภาพที่ไม่ดีกับสามีหรือคู่รัก ร้อยละ 31.2 ถูกทำร้ายร่างกาย และร้อยละ2.9 ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ข้อเสนอแนะ คือ ควรทำวิจัยเชิงปฏิบัติการที่ต่อเนื่องเพื่อให้ความรู้ และทักษะในการสื่อสาร และการต่อรองในการมีเพศสัมพันธ์ของสตรีในสถานประกอบการเพื่อลดภาวะเสี่ยงและปัญหาสุขภาพด้านอนามัยเจริญพันธุ์ของสตรีในสถานประกอบการ

คำสำคัญ: การถูกละเมิดทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว สัมพันธภาพกับสามีหรือคู่รักสตรีในสถานประกอบการ

Downloads

Published

2012-09-13

How to Cite

1.
ยิ้มแย้ม ส, เทียนสวัสดิ์ ส, ชัยวุฒิ ส. การถูกละเมิดทางเพศ และความรุนแรงในครอบครัวสตรีในสถานประกอบการ. J Thai Nurse midwife Counc [Internet]. 2012 Sep. 13 [cited 2024 Apr. 25];26(1):56. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJONC/article/view/2667