การรับรู้ประโยชน์ การรับรู้อุปสรรคของการสร้างเสริมสุขภาพและพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
Keywords:
การรับรู้ประโยชน์, การรับรู้อุปสรรค, พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพหญิงมีครรภ์Abstract
การสร้างเสริมสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้หญิงมีครรภ์และทารกในครรภ์มีสุขภาพที่สมบูรณ์และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์ การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัย เชิงพรรณนาแบบหาความสัมพันธ์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ประโยชน์ การรับรู้อุปสรรคของการสร้างเสริมสุขภาพและพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ โดยใช้ทฤษฏี พฤติกรรมการสร้างเสริ มสุขภาพของเพนเดอร์ (Pender, 2006) เป็นกรอบแนวคิดในการศึกษากลุ่มตัวอย่างเป็นหญิงมีครรภ์ปกติที่มีอายุครรภ์ 37 ถึง 40 สัปดาห์ และมาใช้บริการที่หน่วยฝากครรภ์โรงพยาบาลแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 85 ราย ระหว่างเดือนตุลาคม ถึง เดือนธันวาคม ปี พ.ศ 2555 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แบบสอบถาม การรับรู้ประโยชน์ของการสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ และแบบสอบถามการรับรู้อุปสรรคของการสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ของมยุรี นิรัตธราดร (2539) และแบบสอบถามพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ของญาณิศา วงค์ภูคำ (2551)วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่าการรับรู้ประโยชน์ของการสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ อยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.32, SD = 0.49) การรับรู้อุปสรรคของการสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์อยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.40, SD = 0.83) พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์โดยรวมอยู่ในระดั บปานกลาง (x̅ = 2.46, SD = 0.45) การรับรู้ประ โยชน์ของการสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์ โดยรวมอยู่ในระดับต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .258, p<.01) การรับรู้อุปสรรคของการสร้างเสริมสุขภาพไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของหญิงมีครรภ์โดยรวม
ผลการศึกษาครั้งนี้ มี ข้อเสนอแนะว่า พยาบาลผดุงครรภ์ในหน่วยฝากครรภ์ควรส่งเสริมหญิงมีครรภ์ให้รับรู้ถึงประโยชน์ของการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้หญิงมีครรภ์มีพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีตลอดระยะการตั้งครรภ์
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว