สมรรถนะด้านการวิจัยของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชน The Research Competencies of Professional Nurses in Community Hospital

ผู้แต่ง

  • อิสรีย์ พันธ์เหนือ
  • สมใจ พุทธาพิทักษ์ผล
  • สุวรรณา บุญยะลีพรรณ

คำสำคัญ:

การวิเคราะห์องค์ประกอบ สมรรถนะด้านการวิจัย โรงพยาบาลชุมชน

บทคัดย่อ

  การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) องค์ประกอบสมรรถนะด้านการวิจัย และ 2)ระดับสมรรถนะด้านการวิจัย ของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชน

ประชากร ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในกลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 818 คน สุ่มตัวอย่างตามสัดส่วนของพยาบาลวิชาชีพในแต่ละโรงพยาบาลได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 276 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการทบทวนวรรณกรรม ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบด้วยข้อคำถาม 8 ข้อ เป็นแบบเลือกตอบและเติมคำ และส่วนที่ 2 แบบสอบถามสมรรถนะด้านการวิจัยของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชน จำนวน 52 ข้อ เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน ได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.95 และค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.87 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์องค์ประกอบ สกัดองค์ประกอบด้วยวิธีการวิเคราะห์ส่วนประกอบสำคัญ และหมุนแกนแบบแวริแม็กซ์

ผลการวิจัย ดังนี้ 1) สมรรถนะด้านการวิจัยของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชน ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ จำนวน 45 ข้อ ประกอบด้วย องค์ประกอบที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับการวิจัย จำนวน 9 ข้อ องค์ประกอบที่ 2 ทักษะเกี่ยวกับการวิจัย จำนวน 11 ข้อ องค์ประกอบที่ 3 เจตคติเกี่ยวกับการทำวิจัย จำนวน 11 ข้อ องค์ประกอบที่ 4 จรรยาบรรณนักวิจัยมีจำนวน 9 ข้อ องค์ประกอบที่ 5 การรับรู้อุปสรรคเกี่ยวกับการวิจัยมีจำนวน 5 ข้อ โดยร่วมกันอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ60.95                 2) พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชนมีสมรรถนะด้านการวิจัยโดยรวมอยู่ในระดับมาก (M 3.92, SD = 0.45) โดยพบว่าระดับสมรรถนะด้านการวิจัยที่มีระดับสูงที่สุดคือ สมรรถนะด้านจรรยาบรรณนักวิจัยอยู่ในระดับมาก (M 4.45, SD = 0.58) รองลงมาคือ สมรรถนะด้านความรู้เกี่ยวกับการวิจัยอยู่ในระดับมาก (M 4.21, SD = 0.57) สมรรถนะด้านเจตคติเกี่ยวกับการทำวิจัยอยู่ในระดับมาก (M 4.13, SD = 0.59) สมรรถนะด้านทักษะเกี่ยวกับการวิจัยอยู่ในระดับมาก (M 3.67, SD = 0.66) สมรรถนะด้านการรับรู้อุปสรรคเกี่ยวกับการวิจัยอยู่ในระดับปานกลาง (M 3.14, SD = 0.83) ตามลำดับ

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2019-03-29