ผลของโปรแกรมการจัดการปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจต่อค่าดัชนีมวลกายของผู้ป่วยภายหลังการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ

Authors

  • ชนกพร จิตปัญญา คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • พูลสุข หิรัญสาย คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  • สุชาต ไชยโรจน์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

Keywords:

โรคหัวใจ, ดัชนีมวลกาย, ปัจจัยเสี่ยง, Heart desease, body mass index, risk factors

Abstract

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองเพื่อศึกษาผลของการโปรแกรมจัดการปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค หลอดเลือดหัวใจต่อค่าดัชนีมวลกายของผู้ป่วยหลังการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจครั้งแรกที่เข้ารับการรักษา ณ หอผู้ป่วยศัลยกรรม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด จำนวน 40 รายแบ่งเป็นกลุ่ม ควบคุม 20 ราย และกลุ่มทดลอง 20 ราย โดยคำนึงถึงความคล้ายคลึงกันในเรื่องอายุ เพศ ระดับไขมันในเลือด ยาลดไขมัน กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ ในขณะที่กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมจัดการ ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและการพยาบาลตามปกติ ซึ่งผู้วิจัยพัฒนาขึ้นจากแนวคิดบทบาทพยาบาลในการจัดการปัจจัยเสี่ยงของหลอดเลือดของ Sol et al. (2005) โดยใช้แนวทางการจัดการตนเอง ตามพื้นฐานของสมรรถนะแห่งตนของแบนตรา (Bandura, 1997) โดยมีกิจกรรมคือการประเมิน การเพิ่มสมรรถนะในการจัดการตนเอง การเป็นที่ปรึกษา การกำหนดเป้าหมาย การกำหนดรูปแบบ การติดตามผู้ป่วย การป้อนกลับและประเมินความก้าวหน้า โดยจะติดตามผู้ป่วยตั้งแต่ก่อนจำหน่ายออกจากโรงพยาล จนกระทั่งมาติดตามการรักษาหลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล 3 เดือน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบบันทึกข้อมูลทางสรีระวิทยา แบบบันทึกการติดตามทางโทรศัพท์ แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ และแบบวัดการรับรู้ความสามารถของตนเองในการจัดการปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที

ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจภายหลังได้รับโปรแกรมจัดการปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมีค่าดัชนีมวลกายแตกต่างจากกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที,ระดับ .05 (t=2.659, p=0.01) ผลของงาน่วิจัยนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนารูปแบบของการพยาบาลในผู้ป่วยหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจรวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆ ให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงและสร้างสริมสุขภาพ

คำสำคัญ : โรคหัวใจ, ดัชนีมวลกาย, ปัจจัยเสี่ยง

 

ABSTRACT

This quasi - experimental research was to compare the effect of vascular risk management program on body mass index in patients after coronary artery bypass graft. The 40 subjects were patients undergoing first time coronary artery bypass graft at Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital, Mahidol University, and were selected by a purposive sampling. Subjects were randomized into a control and an experimental group, and were matched in terms of age, gender, and total cholesterol level. The control group received routine nursing care while the experimental group received the vascular risk management program and routine nursing care. This program was based on the concept of self-management (Sol et al., 2005) which was based on Self-efficacy Theory (Bandura, 1997). The instruments for collecting data were the demographic data form, physiological data form, a knowledge questionnaire, and a perceived self-efficacy of coronary artery disease risk management questionnaire. Data were analyzed using mean, standard deviation, and t-test statistics. Result of the study showed that the mean scores of body mass index were significantly different between the experimental group and the control group at the level of .05 (t=2.659, p=0.01). The finding of this study would be applied to develop nursing care model for patients undergoing coronary artery bypass graft and other chronic disease in order to prevent risk behaviors and promote health.

Key Words : Heart disease, body mass index, risk factors

Downloads

How to Cite

1.
จิตปัญญา ช, หิรัญสาย พ, ไชยโรจน์ ส. ผลของโปรแกรมการจัดการปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจต่อค่าดัชนีมวลกายของผู้ป่วยภายหลังการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ. Thai J. Cardio-Thorac Nurs. [Internet]. 2013 May 12 [cited 2024 Mar. 29];18(1):30-43. Available from: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/journalthaicvtnurse/article/view/8460