@article{ถิ่นลออ_เขียวอยู่_2018, title={การตัดสินใจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีอายุ 35 – 60 ปี ในเขตเทศบาล อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์}, volume={3}, url={https://he01.tci-thaijo.org/index.php/kkujphr/article/view/118816}, abstractNote={<p>การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบศึกษาย้อนหลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจ<br>ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีที่มีอายุ 35-60 ปี ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์สุขภาพชุมชนสาขา 2 โรงพยาบาลกาฬสินธุ์<br>กลุ่มศึกษา คือ สตรีที่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกใน 5 ปี ที่ผ่านมา จำนวน 100 คน และกลุ่มเปรียบเทียบ คือ สตรีที่ไม่เคย<br>ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกใน 5 ปีที่ผ่านมา จำนวน 100 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้การสัมภาษณ์โดยตรงตามแบบสอบถาม<br>แบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับการตัดสินใจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการวิเคราะห์<br>ถดถอยพหุลอจิสติกแบบขจัดออกทีละตัวแปร<br>ผลการศึกษา พบว่า การมีอาการผิดปกติทางช่องคลอด ความไม่อายต่อการตรวจ และเวลาว่างในการมาตรวจคัดกรอง<br>มะเร็งปากมดลูก มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสตรีกลุ่มตัวอย่างที่มี<br>อาการผิดปกติทางช่องคลอดจะตัดสินใจมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมากเป็น 3.49 เท่าของสตรีที่ไม่มีอาการผิดปกติทาง<br>ช่องคลอด (95%CI เท่ากับ 1.62 ถึง 7.52) ในสตรีที่ไม่อายจะตัดสินใจไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมากเป็น 6.54 เท่าของสตรี<br>ที่อาย (95%CI เท่ากับ 3.25 ถึง 13.16) ส่วนสตรีที่มีเวลาว่างในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจะตัดสินใจไปตรวจคัดกรอง<br>มะเร็งปากมดลูกมากเป็น 21.88 เท่าของสตรีที่ไม่มีเวลาว่างในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (95%CI เท่ากับ 5.67 ถึง<br>84.57) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆกับการตัดสินใจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกใน 1 ปีข้างหน้าของสตรี<br>กลุ่มที่ไม่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกใน 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีเพียงตัวแปรเวลาว่างในการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก<br>ที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสตรีที่มีเวลาว่างในการมาตรวจ<br>คัดกรองมะเร็งปากมดลูกจะตัดสินใจไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกใน 1 ปีข้างหน้ามากเป็น 5.01 เท่าของสตรีที่ไม่มีเวลาว่างใน<br>การมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (95%CI เท่ากับ 1.91 ถึง 13.17)<br>ผลจากการศึกษา ชี้ให้เห็นว่า การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สตรีกลุ่มเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในเรื่อง ความอายต่อ<br>การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและความเสี่ยงของการไม่ตรวจ หรือไปรับการตรวจที่ล่าช้า และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรพิจารณา<br>จัดเวลาในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกให้ตรงกับความต้องการของสตรีในชุมชน</p>}, number={3}, journal={วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น}, author={ถิ่นลออ นันทิราภรณ์ and เขียวอยู่ จิราพร}, year={2018}, month={เม.ย.}, pages={1–10} }