การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ผ่าตัดเปิดทวารเทียม

Main Article Content

วันดี สำราญราษฎร์

บทคัดย่อ

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย การผ่าตัดทวารเทียมทางหน้าท้อง (Colostomy) เป็นวิธีการรักษาร่วมกับการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักด้วยวิธีอื่น ซึ่งเป็นวิธีการรักษาเพื่อช่วยระบายอุจจาระผ่านทางหน้าท้อง อย่างไรก็ตามบุคคลที่ได้รับการผ่าตัดทวารเทียมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์อย่างรุนแรง ร่วมกับผู้ป่วยกลุ่มนี้มีสิ่งกังวลห่วงใยมากมาย จึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในทุกด้าน


ในปัจจุบันมีความยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มขึ้นตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ป่วยมะเร็งที่มีภาวะโรคร่วมที่จำเป็นต้องได้รับการควบคุมให้ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนอันเป็นผลมาจากโรคร่วมนี้ พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องใช้ความรู้ ทักษะ ความชำนาญในการบูรณาการแนวคิดการจัดการตนเองตนเองสู่ผู้ป่วยรวมถึงผู้ดูแล โดยใช้กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยศัลยกรรม ตามแนวคิด ERAS program ในการผ่าตัดทวารเทียมนั้น ช่วยให้ผู้ป่วยได้มีการเตรียมความพร้อมเข้ารับการผ่าตัดได้อย่างปลอดภัยและสามารถดูแลตนเอง เมื่อมีทวารเทียมและโรคร่วมได้ ผลการศึกษาพบว่า บทบาทของพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ได้รับการผ่าตัดทวารเทียมและมีโรคร่วมนี้คือช่วยจัดการกับความยุ่งยากซับซ้อนของโรค การรักษา และผู้ป่วยสามารถวางแผนกิจกรรมการดูแลตนเองได้ดีขึ้น ยอมรับทวารเทียม และการเจ็บป่วยได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี

Article Details

บท
กรณีศึกษา

References

จุฬาพร ประสังสิต. (2561). การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก. ใน สุวรรณี สิริเลิศตระกูล และ เนตร์สุวีณ์ เจริญจิตสวัสดิ์. บทความวิชาการ การศึกษาต่อเนื่องสาขาการพยาบาลศาสตร์ เล่มที่ 18 การพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็ง. กรุงเทพ: ศิริยอดการพิมพ์.

จุฬาพร ประสังสิต และกาญจนา รุ่งแสงจันทร์. (2558). การพยาบาลผู้ป่วยที่มีลำไส้และรูเปิดทางหน้าท้อง: ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ. กรุงเทพฯ: พี.เอ.ลิฟวิ่ง.

ชนุตพร รัตนมงคล, ศิริอร สินธุ, ทิพา ต่อสกุลแก้ว และเชิดศักดิ์ ไอรมณีรัตน์. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดในผู้ป่วยมะเร็งชนิดปฐมภูมิของกระเพาะอาหาร ตับ ทางเดินน้ำดี ลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง. วารสารสภาการพยาบาล, 31(3), 97-109.

บุศรา ชัยทัศน์. (2559). การดูแลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ผ่าตัดเปิดทวารใหม่: บทบาทพยาบาลเฉพาะทางบาดแผล ออสโตมี และควบคุมการขับถ่ายไม่ได้. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 9(1), 19-33.

โรงพยาบาลสมุทรปราการ. (2560). สถิติโรงพยาบาลสมุทรปราการ. รายงานสถิติประจำปี 2560. อัดสำเนา.

ศิริพรรณ ภมรพล. (2559). บทบาทพยาบาลในการส่งเสริม การลุกเดินจากเตียงโดยเร็วภายหลังผ่าตัด. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 9(2), 14-23.
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2561). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ.2559. กรุงเทพ: พรทิพย์การพิมพ์.

สราวุฒิ สีถาน. (2560). ผลของโปรแกรมการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดต่อการฟื้นตัวในผู้ป่วยหลังผ่าตัดช่องท้อง. วารสาร มฉกวิชาการ, 20(40), 101-113.

อนุชตรา วรรณเสวก. (2561). โภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง. ใน สุวรรณี สิริเลิศตระกูล และเนตร์สุวีณ์ เจริญจิตสวัสดิ์.บทความวิชาการ การศึกษาต่อเนื่องสาขาการพยาบาลศาสตร์ เล่มที่ 18 การพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็ง. กรุงเทพ: ศิริยอดการพิมพ์.

อรปรียา บุปผาวัลย์. (2558). การพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนตามกรอบแนวคิดแบบแผนสุขภาพของกอร์ดอน: กรณีศึกษา โรงพยาบาลนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7, 13(3), 20-33.

อารีย์ เสนีย์. (2557). โปรแกรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสารพยาบาลทหารบก, 15(2), 129-134.

Agrawal, D. (2016). American Society of Anesthesiologist Classification—Higher Incentives for Higher Scores. JAMA internal medicine, 176(10), 1577-1578.doi:10.1001/jamainternmed .2016.5448

Arends, J., Bachmann, P., Baracos, V., Barthelemy, N., Bertz, H., Bozzetti, F…. & Preiser, J. C. (2017). ESPEN guidelines on nutrition in cancer patients. Clinical Nutrition, 36(1), 11-48. doi:10.1016/j.clnu.2016.07.015.

Alexander, T.H., David, L.B., Paul, C.S., Patrica, S., & Liliana, B. (2014). Wound dehiscence after APR for low rectal cancer is associated with decreased survival. DisColon Rectum, 7(2), 143–150.

Bryan, S., & Dukes, S., (2010). The enhanced recovery programmed for patients: An audit. British Journal of Nursing, 19, 831-834. doi:10.12968/bjon.2010.19.13.48859

Kittinouvarat S. (2014). A study of difficulties experienced by Thai ostomate after hospital discharge. WCETJ, 34(4), 7-12.

Lorig, K.R., & Holman H. (2003). Self-management education: History, definition, outcomes, and mechanisms. Ann Behav Med. 26(1), 1-7. doi:10.1207/S15324796ABM2601_01

Vonk-Klaassen S. M., Vocht, H. M., Ouden M. E., Eddes, E. H., & Schuurmans, M.J., (2016). Ostomy–related problems and their impact on quality of life of life colorectal cancerostomates: A systematic review. Qual Life Res, 25(1), 125-133. doi: 0.1007/ s11136-015-1050-3.

Wilmore, D., & Kehlet, H. (2001). Management of patients in fast track surgery. BMJ, 332, 473-476.